Trace Id is missing
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
อุตสาหกรรม

เมืองอัจฉริยะ: เมืองแห่งอนาคต

เรียนรู้ว่ารัฐบาลใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิต ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมอบโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น คืนสภาพได้ และปลอดภัยได้อย่างไร

เมืองอัจฉริยะคืออะไร

เมืองอัจฉริยะคือเขตเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลายรูปแบบเพื่อยกระดับชีวิตผู้อยู่อาศัย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงบริการของรัฐให้ทันสมัย เพิ่มการเข้าถึง ขับเคลื่อนความยั่งยืน และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจ เมืองอัจฉริยะคือเมืองแห่งอนาคต

รัฐบาลในเมืองอัจฉริยะหลายๆ แห่งใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT), การประมวลผลแบบคลาวด์, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ความเป็นจริงเสริม (AR), Edge, บล็อกเชน และโซลูชันเมืองอัจฉริยะล้ำสมัยอื่นๆ เพื่อ:

  • ปกป้องและเชื่อมต่อกับผู้อยู่อาศัยและธุรกิจ
  • ปรับปรุงการเข้าถึงสำหรับทุกคนในชุมชน 
  • สนับสนุนธุรกิจและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • แชร์ข้อมูลกับสาธารณะ
  • ปรับปรุงการดำเนินงานของรัฐบาล
  • ให้บริการชุมชนที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
  • จัดหาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่เชื่อถือได้
  • ขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
  • ส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามหน่วยงาน
  • ยกระดับระบบขนส่งมวลชน 
  • จัดการทรัพยากรของเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลือง
  • รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเปิดเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า

เมื่อใช้โซลูชันดิจิทัลล่าสุด รัฐบาลเมืองอัจฉริยะจะได้รับมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินงานของเมือง โครงสร้างพื้นฐาน และบริการทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการเมืองคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เอาชนะความท้าทายได้อย่างรวดเร็ว และปรับปรุงผลลัพธ์ได้ ทั้งหมดนี้มารวมกันเพื่อยกระดับประสบการณ์สำหรับผู้อยู่อาศัย ผู้มาเยือน และธุรกิจในเขตเมือง และเสริมสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเมือง

สิ่งที่ขับเคลื่อนเมืองให้อัจฉริยะยิ่งขึ้น

 

ศูนย์กลางเมืองทั่วโลกต่างเปิดรับเทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูงต่างๆ เช่น การลงทุนใน AI, การประมวลผลแบบคลาวด์, IoT และโซลูชันดิจิทัลอื่นๆ พร้อมทั้งมุ่งมั่นเพื่อดำเนินโครงการเมืองอัจฉริยะ แล้วอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนกระแสโลกนี้กันล่ะ

เพราะจำนวนประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมืองต่างๆ กำลังเผชิญกับความต้องการที่มากขึ้นและความท้าทายที่ซับซ้อนขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ ในโลกดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันนี้ ผู้คนต่างคาดหวังประสบการณ์และข้อมูลที่รวดเร็วและใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ผู้จัดการและผู้บริหารเมืองจึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาลในการจัดหาบริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าแก่ผู้อยู่อาศัยและธุรกิจ

นอกเหนือจากความต้องการเหล่านี้แล้ว เขตปกครองยังมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัย ส่งมอบบริการที่สำคัญ ปรับปรุงคุณภาพชีวิต และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และบางที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรัฐบาลเมืองจะต้องดูแลสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เมืองของตนดำเนินต่อไปได้ เช่น น้ำ ไฟฟ้า ถนน สะพาน ไฟจราจร การขนส่งสาธารณะ และอื่นๆ

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้อยู่อาศัยและธุรกิจ เมืองต่างๆ ทั่วโลกกำลังเร่งการแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัล เพื่อให้บริการที่เชื่อมต่อ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วยเหตุนี้ เมืองอัจฉริยะเหล่านี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อาศัยและน่าทำงานมากที่สุดอย่างรวดเร็ว เมืองเหล่านี้คือเมืองแห่งอนาคต

ประโยชน์ไร้ข้อผูกมัด: การสร้างเมืองอัจฉริยะเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

ผู้อยู่อาศัย ธุรกิจ และหน่วยงานรัฐบาลในเมืองอัจฉริยะต่างได้รับประโยชน์อันมีค่ามากมาย ตั้งแต่ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและการขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงได้มากขึ้น ไปจนถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ลดลงและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น

 

เมืองอัจฉริยะใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัยเพื่อ:

  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต

    เนื่องจากเมืองอัจฉริยะใช้เทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบเพื่อนำเสนอโซลูชันเมืองอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกันให้กับผู้อยู่อาศัย เขตปกครองเหล่านี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทั้งการอยู่อาศัยและการทำงาน พื้นที่ในเมืองเหล่านี้มีการเดินทางที่สั้นกว่า ระบบคมนาคมที่เข้าถึงได้ง่าย ถนนที่ปลอดภัยกว่า พื้นที่สีเขียว อากาศที่สะอาดกว่า การบริการสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ดีกว่า และโอกาสทางเศรษฐกิจที่มีมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้ประชากรในเมืองอัจฉริยะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

  • ปรับการดำเนินงานให้เหมาะสม

    เทคโนโลยีไม่เพียงแค่ทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถปรับปรุงการดำเนินงานได้อีกด้วย หน่วยงานภาครัฐในเมืองอัจฉริยะสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลที่เปิดกว้าง เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกในเวลาจริง และส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามหน่วยงานได้ ซึ่งช่วยให้หน่วยงานภาครัฐทำงานได้มากขึ้น เพิ่มศักยภาพพนักงาน และปรับปรุงบริการพลเมืองได้

  • ส่งมอบบริการที่ดีขึ้น

    เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ชุมชนจึงคาดหวังบริการที่เรียบง่าย ปลอดภัย และเข้าถึงได้ เมืองอัจฉริยะมอบบริการที่เชื่อถือได้ ไว้วางใจได้ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการเป็นหลัก และยังต้องเก็บรักษาข้อมูลสาธารณะที่ละเอียดอ่อนไว้ให้ปลอดภัยอีกด้วย ผู้อยู่อาศัยในเมืองอัจฉริยะต่างยินดีกับระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย การคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ และประสบการณ์ดิจิทัลที่เชื่อถือได้

  • ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    พื้นที่เมืองมักเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญมาโดยตลอด ทุกวันนี้ เมืองอัจฉริยะต่างเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีอัจฉริยะ หลายๆ ธุรกิจสนใจที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเขตปกครองสมัยใหม่เหล่านี้ เนื่องจากมีเครือข่ายการสื่อสารที่ดีกว่า ความคล่องตัวที่มากกว่า โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ บริการที่ใช้งานง่าย และกลุ่มผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและพนักงานจำนวนที่มากกว่า นอกจากนั้น เมืองอัจฉริยะยังให้การเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าอีกด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น

โซลูชันเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ

เมื่อรัฐบาลเริ่มดำเนินโครงการเมืองอัจฉริยะ ก็มักจะลงทุนกับชุดโซลูชันดิจิทัลอัจฉริยะ เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันเพื่อเชื่อมต่อชุมชน ยกระดับชีวิตชาวเมือง ขับเคลื่อนความยั่งยืน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของโซลูชันเมืองอัจฉริยะล้ำสมัย:

การประมวลผลแบบคลาวด์

การประมวลผลแบบคลาวด์คือการส่งมอบบริการด้านการประมวลผล ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ และระบบอัจฉริยะ ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งตรงข้ามกับเซิร์ฟเวอร์ภายในเครื่องหรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีราคาถูกกว่าและเข้าถึงได้ง่ายกว่า โซลูชันระบบคลาวด์จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค ธุรกิจ และรัฐบาล นอกจากนี้ โดยทั่วไปแล้วองค์กรจะจ่ายเฉพาะบริการ Cloud ที่ตนใช้เท่านั้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและรัฐบาลเมืองควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและปรับขนาดโซลูชันระบบคลาวด์เมื่อเติบโตขึ้นได้

หน่วยงานในเมืองหลายแห่งต่างโยกย้ายแอปพลิเคชัน ระบบบุคลากร และข้อมูลสำคัญของรัฐบาลอื่นๆ จากที่จัดเก็บข้อมูลในเครื่องไปยังระบบคลาวด์ เพื่อเร่งสร้างนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน ซึ่งช่วยให้รัฐบาลมีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนด้วย โซลูชันระบบคลาวด์ยังช่วยให้เจ้าพนักงานประจำเมืองและผู้อยู่อาศัยในเมืองสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างปลอดภัยจากระยะไกล ซึ่งจำเป็นต่อความต่อเนื่องของบริการภาครัฐ

การประมวลผลแบบคลาวด์ได้กลายเป็นเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะที่สำคัญ เนื่องจากโซลูชันนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถ:

  • ลดค่าใช้จ่ายได้ เพราะไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ตั้งค่าและใช้งานศูนย์ข้อมูลภายใน หรือดูแลจัดการโครงสร้างพื้นฐาน
  • ปรับขนาดตามการเติบโตและส่งมอบทรัพยากรด้านไอทีในปริมาณที่เหมาะสมได้ทุกที่ทุกเวลา
  • รับรองประสิทธิภาพที่ดีขึ้นผ่านเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยทั่วโลก
  • ปรับปรุงความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเมือง แอป และโครงสร้างพื้นฐาน
  • ทำงานได้เร็วขึ้นและเข้าถึงแหล่งข้อมูลการประมวลผลจำนวนมากได้ภายในไม่กี่นาที
  • ผู้จัดการเมือง พนักงาน และทีมไอทีทำงานได้มากขึ้น
  • รักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจด้วยการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลจากความเสียหายที่ง่ายดาย

ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ในการเลียนแบบการทำงานขององค์ความรู้เหมือนมนุษย์ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ และการแก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์นี้จะใช้หลักการทางคณิตศาสตร์และตรรกะในการจำลองการใช้เหตุผลของมนุษย์ เพื่อทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

ระบบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์สามารถคาดการณ์หรือดำเนินการตามรูปแบบในข้อมูลที่มีอยู่ได้ AI สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อเพิ่มความเที่ยงตรงในอนาคตได้ ระบบ AI ที่สมบูรณ์สามารถประมวลผลข้อมูลใหม่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้มีประโยชน์สำหรับสถานการณ์ที่ซับซ้อน รวมถึงรถยนต์ที่ขับด้วยตนเอง โปรแกรมการจดจำภาพ และผู้ช่วยเสมือนต่างๆ

รัฐบาลเมืองใช้ AI ร่วมกับโซลูชันอื่นๆ เช่น IoT, Edge และบล็อกเชน AI ช่วยให้เมืองอัจฉริยะสามารถปรับปรุงปฏิสัมพันธ์กับชุมชน เผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะอย่างรวดเร็ว ประหยัดพลังงานและน้ำ และขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่อาคารอัจฉริยะ ไฟถนนอัจฉริยะ ไปจนถึงการจราจรอัจฉริยะ

ตัวอย่างเช่น เมืองอัจฉริยะหลายแห่งในปัจจุบันใช้แชทบอท AI เพื่อให้คำตอบและข้อมูลแก่ผู้อยู่อาศัยทางออนไลน์ที่รวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ รัฐบาลบางแห่งยังลงทุนในเซนเซอร์ AI เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการขนส่งและปรับปรุงการจราจรด้วย เทคโนโลยีเชิงคาดการณ์เหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่เมืองดำเนินไปและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเมืองได้

อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT)

อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) คือกลุ่มเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ และออกแบบมาเพื่อรวบรวมและส่งข้อมูลอย่างปลอดภัย IoT ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีข้อมูลครบถ้วน เทคโนโลยีสำหรับเมืองอัจฉริยะนี้มอบข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและถูกเวลา ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้

เมืองอัจฉริยะทั่วโลกต่างใช้เซนเซอร์ IoT เพื่อบันทึกและทำความเข้าใจข้อมูลในทันที ข้อมูลเชิงลึกจากระบบ IoT ช่วยให้ผู้จัดการเมืองมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นในชุมชนของตนในเวลาที่ใกล้เคียงเวลาจริง เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะนี้ยังช่วยให้รัฐบาลสามารถเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ตรวจสอบกระบวนการจากระยะไกล ดำเนินการติดตามในเวลาจริง และปรับปรุงการดำเนินงานทั่วทั้งเมืองได้อีกด้วย

รัฐบาลเมืองอัจฉริยะเริ่มใช้ IoT มากขึ้นในงานสำคัญสองอย่าง ได้แก่ การตรวจสอบจากระยะไกลและการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์

การตรวจสอบจากระยะไกลช่วยให้ผู้บริหารเมืองสามารถตรวจสอบทรัพย์สิน เช่น ยานพาหนะและเครื่องจักรกลหนัก ได้อย่างต่อเนื่องหรืออย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการเมืองสามารถติดตามสถานที่ตั้ง ประสิทธิภาพ และเงื่อนไขของสินทรัพย์นั้นๆ ได้ ข้อมูลเชิงลึกที่รัฐบาลเมืองได้รับจากเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะนี้ช่วย:

  • ลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง การบำรุงรักษา และบริการต่างๆ
  • ปรับปรุงกระบวนการของรัฐบาลเมือง
  • ให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ประชากร
  • ลดการสึกหรอของยานพาหนะและเครื่องจักร
  • เพิ่มจำนวนการนัดหมายบริการต่อวัน
  • กำหนดเส้นทางยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยและความปลอดภัยของพนักงานประจำเมือง

การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ประกอบด้วยซอฟต์แวร์การเรียนรู้ของเครื่องสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์ผลลัพธ์ และดำเนินการอัตโนมัติ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้จัดการเมืองสามารถระบุและแก้ไขปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ช่วยให้ผู้บริหารเมืองอัจฉริยะสามารถ:

  • ระบุปัญหาทางกลไกหรือทางการปฏิบัติงานที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวหรือการชะลอตัวได้
  • ระบุอะไหล่ที่ต้องมีไว้ในสินค้าคงคลังเพื่อรองรับปัญหาการซ่อมแซม
  • คาดการณ์และป้องกันความล้มเหลวของอุปกรณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น

รัฐบาลที่ลงทุนใน IoT สามารถใช้โซลูชันเมืองอัจฉริยะนี้เพื่อส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้นสู่สาธารณะ เชื่อมต่อกับผู้คนในแบบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ลดวัสดุและการใช้แรงงานสูญเปล่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

เทคโนโลยีบล็อกเชน

บล็อกเชนคือฐานข้อมูลดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ซึ่งมีข้อมูลที่สามารถนำมาใช้และแบ่งปันพร้อมกันภายในเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เข้าถึงได้แบบสาธารณะ องค์กรและรัฐบาลต่างลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซับซ้อนของกระบวนการ ลดการฉ้อโกง และตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว

บล็อกเชนช่วยให้ผู้เข้าร่วมเครือข่ายสามารถแบ่งปันข้อมูลได้อย่างน่าเชื่อถือและโปร่งใส โดยไม่ต้องมีผู้ดูแลระบบแบบรวมศูนย์ โดยคุณลักษณะนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลเมือง เพราะว่าแต่ละเมืองมักเต็มไปด้วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมากที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัย เพื่อรักษาการดำเนินงาน ทำการตัดสินใจที่สำคัญ และปรับปรุงการให้บริการ

เมืองอัจฉริยะใช้โซลูชันบล็อกเชนเพื่อ:

  • แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างง่ายดายและปลอดภัย
  • ส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามหน่วยงาน
  • ให้มีมุมมองเดียวทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานของเมือง
  • ลดการฉ้อโกงและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • ลดความซับซ้อนของกระบวนการสำหรับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทข้อมูลในการตรวจสอบและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
  • จัดการการใช้พลังงาน การพัฒนาเมือง และการเติบโตของประชากร

การประมวลผล Edge

การประมวลผล Edge คือกระบวนการในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลให้ใกล้กับแหล่งข้อมูลจริงมากขึ้น ซึ่งช่วยลดเวลาแฝงของเครือข่าย (ความล่าช้าในการสื่อสารข้อมูล) และการใช้แบนด์วิดท์ที่มากเกินไป พร้อมทั้งรับรองความต่อเนื่องของบริการ แม้ว่าการเชื่อมต่อระบบคลาวด์จะไม่ต่อเนื่องก็ตาม

เมืองอัจฉริยะทั่วโลกใช้การประมวลผล Edge ร่วมกับ IoT, AI และโซลูชันระบบคลาวด์ เพื่อให้แน่ใจว่าบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐบาลนั้นมีความต่อเนื่อง

ในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ โซลูชันการประมวลผล Edge ช่วยให้รัฐบาลเมืองสามารถ:

  • แก้ไขปัญหาเวลาแฝงหรือการเชื่อมต่อโดยการประมวลผลข้อมูลใกล้กับแหล่งที่มา
  • ประมวลผล จัดเรียง และวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบ IoT หรือศูนย์ข้อมูล เพื่อให้สามารถกำหนดสิ่งที่ต้องดำเนินการทันทีและสิ่งที่จะจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วและนำไปใช้ได้จริงโดยใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่อง
  • ถ่ายโอนข้อมูลเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดายระหว่างระบบคลาวด์และ Edge
  • เรียกใช้แอปพลิเคชันในสถานที่ห่างไกลเพื่อทำธุรกรรมได้รวดเร็วขึ้นและมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์น้อยลง
  • ปฏิบัติตามกฎระเบียบโดยใช้แบบจำลองการเรียนรู้ของเครื่องที่ช่วยเตือนผู้บริหารเมืองเกี่ยวกับข้อมูลที่อาจมีความละเอียดอ่อน

ตัวอย่างเช่น สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอนใช้ Edge, AI และการเรียนรู้ของเครื่องร่วมกับเครื่องสแกน 3 มิติ เพื่อป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย

ความเป็นจริงเสริม (AR)

ความเป็นจริงเสริม (AR) คือเทคโนโลยีที่สร้างภาพซ้อนทับจากคอมพิวเตอร์ในโลกความเป็นจริง ทำให้ผู้ใช้ได้เห็นทั้งสองมุมมองพร้อมกัน หลายองค์กรใช้เทคโนโลยีเชิงโต้ตอบนี้ในการฝึกอบรมพนักงานและให้มุมมองที่ชัดเจนแก่พนักงานในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หรือมองเห็นได้ยาก

โซลูชัน AR ขั้นสูงช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบที่อาจยากหรืออันตรายเกินไปหากไม่ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ ตัวอย่างเช่น พนักงานประจำเมืองบางคนใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ซ้อนทับภาพระบบสาธารณูปโภคและสินทรัพย์ต่างๆ เมื่อมองลงไปใต้ดิน ซึ่งช่วยให้พนักงานมองเห็นตำแหน่งของท่อใต้ถนนและระบุสภาพการทำงานได้ คิงเคาน์ตี้ในซีแอตเทิลได้รับการยอมรับจากการใช้อุปกรณ์ความเป็นจริงผสมในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในโรงบำบัดน้ำเสีย

และรัฐบาลเมืองอัจฉริยะยังใช้ AR เพื่อ:

  • ลดความซับซ้อนของการวางผังเมืองและโครงการก่อสร้างที่ซับซ้อน
  • รับคำแนะนำและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญระหว่างทำงานในพื้นที่ห่างไกล
  • ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้จากคำแนะนำทีละขั้นตอนแบบลงมือปฏิบัติ
  • ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานภาคสนามทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
  • ปรับปรุงกระบวนการอนุญาตและการตรวจสอบ

โครงสร้างพื้นฐานของเมืองอัจฉริยะ

โครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่น้ำประปา ไฟฟ้า ถนน สัญญาณไฟจราจร ไปจนถึงบริการต่างๆ ของเมืองและเครือข่ายการสื่อสาร คือสิ่งที่ทำให้เมืองดำเนินไปอย่างราบรื่น เนื่องจากจำนวนประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นและผู้คนต้องการบริการดิจิทัลและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากขึ้น เมืองต่างๆ จึงต้องจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น คืนสภาพได้ และปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม

การเปิดรับการประมวลผลแบบคลาวด์, IoT, AI และโซลูชันเมืองอัจฉริยะอื่นๆ ช่วยให้รัฐบาลสามารถ:

  • จัดหาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่สำคัญได้
  • มอบบริการอันทรงคุณค่าที่สร้างความไว้วางใจได้
  • ปรับปรุงการเก็บรักษาข้อมูลสาธารณะที่ละเอียดอ่อนให้ปลอดภัยได้
  • ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้ทันสมัยได้
  • ใช้งานระบบขนส่งที่เชื่อมต่อถึงกัน มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนได้
  • นำเสนอนวัตกรรมในเมืองและยกระดับบริการสำหรับผู้อยู่อาศัยได้
ฉากรถไฟแล่นผ่านเมือง การข้ามถนนที่พลุกพล่าน และคนงานสองคนในทุ่งกังหันลม

เรียนรู้เกี่ยวกับ Microsoft สำหรับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

สำรวจทรัพยากรและนวัตกรรมที่มีคุณค่าสำหรับเมืองอัจฉริยะ

ดูโซลูชันเมืองอัจฉริยะ

เรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะที่งาน Smart City Expo & World Congress ปี 2021

Microsoft Cloud for Sustainability

เร่งการเดินทางสู่ความยั่งยืนและลดคาร์บอนฟุตพรินต์

Microsoft เพื่อพลังงานและทรัพยากร

พลิกโฉมห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

Microsoft เพื่อสาธารณสุขและบริการสังคม

ให้บริการชุมชนของคุณได้ดีขึ้นด้วยโซลูชันสุดล้ำเพื่อความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี และความเจริญรุ่งเรือง

Microsoft เพื่อความปลอดภัยและความยุติธรรมสาธารณะ

ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในชุมชน

โทรคมนาคมอัจฉริยะ

ส่งเสริมพนักงาน ปรับปรุงการดำเนินงาน และขับเคลื่อนการเติบโต

Microsoft Cloud สำหรับยานยนต์ ระบบขับเคลื่อน และการขนส่ง

ปรับปรุงประสิทธิภาพ การดำเนินงาน นวัตกรรม และประสบการณ์ของลูกค้า

Microsoft Cloud for Financial Services

มอบประสบการณ์ที่โดดเด่น เพิ่มศักยภาพให้พนักงาน และต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงิน

รถยนต์อัจฉริยะและเมืองอัจฉริยะ

เรียนรู้วิธีที่รถยนต์อัจฉริยะรวมเข้ากับเมืองอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงระบบเคลื่อนที่และความปลอดภัย

คำถามที่ถามบ่อย

  • เมืองอัจฉริยะคือเขตเมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหลากหลายรูปแบบเพื่อยกระดับชีวิตผู้อยู่อาศัย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงบริการของรัฐให้ทันสมัย เพิ่มการเข้าถึง ขับเคลื่อนความยั่งยืน และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจ เมืองอัจฉริยะคือเมืองแห่งอนาคต

  • เมืองอัจฉริยะใช้การประมวลผลแบบคลาวด์, AI, IoT, AR, Edge, บล็อกเชน และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับบริการของรัฐ ยกระดับคุณภาพชีวิต และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    เมืองอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกนั้นให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นหลัก รัฐบาลที่มองการณ์ไกลของเมือง เหล่านี้ลงทุนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสำหรับผู้อยู่อาศัย ทรัพยากรในเมือง โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง หรือการปล่อยคาร์บอน ข้อมูลเชิงลึก ที่รัฐบาลได้รับจากข้อมูลนี้ช่วยให้ สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและดำเนินการเพื่อปรับปรุงบริการ มีส่วนร่วมกับผู้อยู่อาศัย สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และขับเคลื่อนความยั่งยืน

  • เพราะเทคโนโลยีวิวัฒนาการและโซลูชันดิจิทัลมีอยู่ในทุกด้านของชีวิต ผู้คนจึงคาดหวังว่าจะได้รับบริการที่สะดวกและเข้าถึงได้จากธุรกิจต่างๆ และตอนนี้ก็ต้องการบริการในระดับเดียวกันจากรัฐบาลเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่อาศัยก็ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้วย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลเมืองที่จะตอบสนองความต้องการทั้งสองนี้พร้อมกัน ศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่จึงช่วยได้
    เพื่อให้บริการชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลเมืองต้องดูแลรักษาข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงประวัติการเกิด ที่อยู่ และข้อมูลรายได้ หากรัฐบาลเลือกใช้ศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่บนระบบคลาวด์ จะช่วยให้มีสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ยืดหยุ่น พร้อมทั้งการรักษาความปลอดภัย การป้องกัน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ดีขึ้น เมืองอัจฉริยะหลายแห่งเลือกใช้ศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ในการรวบรวมข้อมูลและให้บริการสาธารณะที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น
    นอกจากนี้ รัฐบาลเมืองหลายแห่งต่างสนับสนุนให้ชาวเมืองเปลี่ยนไปใช้ อัตลักษณ์ดิจิทัล

  • อัตลักษณ์ดิจิทัลหรือ ข้อมูลประจำตัวแบบกระจายศูนย์ช่วยให้ผู้คนและองค์กรเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ ในเฟรมเวิร์กที่เชื่อถือได้ของข้อมูลประจำตัวแบบกระจายศูนย์ ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อผู้ใช้ จะถูกเปลี่ยนเป็น ID ที่บุคคลนั้นเป็นเจ้าของและเป็นอิสระ ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยใช้บล็อกเชนและเทคโนโลยีรายการเดินบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและทำธุรกรรมได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะที่ชีวิตของเราเชื่อมโยงกับแอป อุปกรณ์ และบริการมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็มักประสบปัญหาข้อมูลรั่วไหลและสูญเสียความเป็นส่วนตัว ข้อมูลประจำตัวแบบกระจายศูนย์ช่วยให้ผู้คนและธุรกิจมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและควบคุมข้อมูลของตนเองได้

  • ในหลายๆ กรณี ใช่ เมืองอัจฉริยะเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่เพียงเพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเพื่อ ขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วย รัฐบาลเมืองบางแห่งใช้โซลูชันดิจิทัลในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการปล่อยคาร์บอน เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับน้ำอย่างยั่งยืน ลดของเสีย และลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของเมือง

  • หากคุณต้องการเร่งการแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลและดำเนินการโครงการเมืองอัจฉริยะ เทคโนโลยีคือกุญแจสำคัญ เมืองอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดลงทุนในโซลูชันดิจิทัลล้ำสมัย ซึ่งช่วยให้สามารถรวบรวมและใช้ข้อมูลได้เกือบจะในเวลาจริงและดำเนินการกับข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว
    ก่อนที่จะลงทุนในการประมวลผลแบบคลาวด์, AI, IoT และเทคโนโลยีเฉพาะอื่นๆ คุณควรคิดถึงผลลัพธ์ที่ต้องการบรรลุด้วยการเป็นเมืองอัจฉริยะเสียก่อน เป้าหมายเหล่านี้อาจรวมไปถึง:

    • การปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะ 
    • การขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    • การยกระดับความคล่องตัวของจราจร
    • การลดการปล่อยคาร์บอน
    • การลดต้นทุนการดำเนินงาน
    • การเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์
    • การประหยัดพลังงานและน้ำ

    เมื่อคุณกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับเมืองของคุณได้แล้ว ก็จะรู้ได้ง่ายขึ้นว่าข้อมูลและโซลูชันดิจิทัลช่วยคุณบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้นได้อย่างไร

  • เมืองอัจฉริยะคือสถานที่ที่น่าอยู่และน่าทำงานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพื้นที่เขตเมืองเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการต่างๆ เมืองอัจฉริยะจึงมีถนนที่ปลอดภัยมากกว่า ความคล่องตัวที่ดีกว่า การเดินทางที่สั้นกว่า การปล่อยมลพิษที่ลดลง บริการสำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพ และธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง ประโยชน์ของเมืองอัจฉริยะเหล่านี้ช่วยให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของประชากรในเมืองสูงยิ่งขึ้น

  • เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลหมายถึงวิธีการต่างๆ ที่ผู้คนสามารถใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารระหว่างกัน ได้แก่ อีเมล โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ และข้อความตัวอักษร ICT ได้ปฏิวัติวิธีการสื่อสารระหว่างกัน ทำให้ง่ายและรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา การใช้ ICT ในโครงการเมืองอัจฉริยะจะช่วยสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับทั้งพลเมืองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเมือง
    ICT เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเมืองอัจฉริยะ เครือข่ายอัจฉริยะและการสื่อสารแบบไร้สายระหว่างบุคคล วัตถุ และเครื่องจักร ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การแบ่งปันข้อมูลสาธารณะ บริการของรัฐบาล และสวัสดิการของพลเมือง ตัวอย่างเช่น ICT ช่วยลดความแออัดของการจราจรด้วยไฟแดงจราจรที่ปรับตามสภาพถนนในเวลาจริง ICT ช่วยให้เมืองแห่งอนาคตสามารถลดต้นทุนและลดการใช้ทรัพยากรได้
    โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เซนเซอร์และอุปกรณ์ IoT ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลในเวลาจริง ซึ่งสามารถใช้ในการสื่อสารข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญแก่พลเมืองในเมืองและรัฐบาลได้ ถ้าไม่มี ICT ก็ไม่มีเมืองอัจฉริยะ

  • แม้ว่าเมืองอัจฉริยะจะมีประโยชน์มากมายกับทั้งพลเมืองและรัฐบาล แต่ก็มีอุปสรรคมากมายที่ควรพิจารณาเช่นกัน อุปสรรคประการหนึ่งในการสร้างเมืองอัจฉริยะก็คือ ไม่ใช่ว่าประชาชนทุกคนจะสามารถเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรแบบเดียวกันได้ ประชากรเมืองแต่ละคนต่างมีรายได้และอายุแตกต่างกันมากมาย ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ไม่มีความประสงค์ที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์อัจฉริยะ ก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ที่มีความประสงค์จะเป็นเจ้าของรถยนต์อัจฉริยะ ในทำนองเดียวกัน ประชากรสูงอายุไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ บ่อยเท่ากับประชากรที่อายุน้อย ทำให้เมืองอัจฉริยะมีประโยชน์น้อยลงสำหรับกลุ่มประชากรนี้
    การพิจารณาที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือโครงสร้างพื้นฐาน การรวมเทคโนโลยีใหม่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่นั้นอาจเป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูง และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ต้องอาศัยการวางแผนและเงินทุนมากมายด้วย ซึ่งก่อให้เกิดอุปสรรคอีกประการหนึ่งของเมืองอัจฉริยะ นั่นคือ ความร่วมมือและการได้รับการยอมรับจากสาธารณชน พลเมืองต้องสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงในเมืองของตน เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามแผนได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พลเมืองจะต้องเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับ พลเมืองต้องรู้วิธีใช้เทคโนโลยีของเมืองอัจฉริยะอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถจัดการอุปสรรคส่วนใหญ่เหล่านี้ได้จากการมีส่วนร่วมของชุมชนและโปรแกรมให้ความรู้ต่างๆ
    อุปสรรคของเมืองอัจฉริยะประการอื่นรวมถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย เนื่องจากเมืองหลายแห่งเริ่มปรับโครงสร้างพื้นฐานของตนให้เป็นระบบดิจิทัลกันมากขึ้น จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะสร้างสมดุลระหว่างความสะดวกสบายกับความเป็นส่วนตัว ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของสาธารณชนนั้นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการเอาชนะความลังเลใจของพลเมืองและการรับรองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจึงมีความสำคัญต่อการนำแนวคิดเมืองอัจฉริยะไปใช้ และยังต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมกว้างขวางด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งรัฐบาลและประชาชนได้รับการปกป้องจากการละเมิดข้อมูลและภัยคุกคามอื่นๆ เช่นเดียวกับทุกเทคโนโลยี เมืองอัจฉริยะไม่ได้ปลอดภัยจากเหล่าแฮกเกอร์ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในการวางแผนเมืองอัจฉริยะด้วย
    กุญแจสำคัญในการเผชิญกับอุปสรรคของเมืองอัจฉริยะเหล่านี้คือการพัฒนาแผนที่ครอบคลุมซึ่งคำนึงถึงความต้องการและลำดับความสำคัญของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

  • ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ ด้วยการนำทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมารวมกัน ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยเมืองต่างๆ พัฒนาและนำโซลูชันล้ำสมัยไปใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายเมืองอัจฉริยะของตนได้
    ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือระหว่างธุรกิจในท้องถิ่นกับรัฐบาลช่วยสนับสนุนโครงการเมืองอัจฉริยะได้ ในทำนองเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับรัฐบาลเมืองก็ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันใหม่ๆ สำหรับใช้ในเมืองอัจฉริยะได้
    ในท้ายที่สุด ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ เพื่อทำให้เมืองมีประสิทธิภาพ น่าอยู่ และยั่งยืนมากขึ้น

ติดตามเรา